ภาพถ่าย ดร. ทักษิณ ชินวัตร ช่วงเรียนนักเรียนนายร้อย ปี 2516
ทักษิณ ชื่นชอบวิชาคำนวณตั้งแต่เป็นเด็ก เมื่อจบ ม.ศ.3 เขาตั้งใจจะสอบเข้าโรงเรียนเตรียมอุดมศึกษา เพื่อจะเอนทรานซ์เข้าคณะวิศวกรรมศาสตร์ในอนาคต แต่เพราะเรียนโรงเรียนชายล้วนมาตลอด ทำให้เขาเริ่มรู้สึกไม่คุ้นเคยที่ต้องเรียนกับเพศตรงข้าม และความรู้สึกนี้เริ่มชัดเจนขึ้นตอนที่เขาเรียนกวดวิชาก่อนสอบเข้าเตรียมอุดมฯ เหตุผลนี้ทำให้เขาเบนเข็มไปสอบเข้าโรงเรียนเตรียมทหาร ผลการสอบข้อเขียนผ่าน แต่ติดปัญหาที่ผลการเอ็กซเรย์พบว่าปอดของเขามีจุดดำ ทั้งที่ไม่ได้สูบบุหรี่ “เครื่องเอ็กซ์เรย์คงไม่ดี เห็นเงาของกระดูกคิดว่าเป็นจุดที่ปอด ผลเลยสอบไม่ผ่าน”
เขากลับไปเรียนที่มงฟอร์ดวิทยาลัยและกลับไปสอบเข้าโรงเรียนเตรียมทหารใหม่ รอบนี้ผลการเอ็กซเรย์ผ่าน ได้เป็นนักเรียนเตรียมทหารสมใจ แต่ก็ทำให้เขาเรียนช้ากว่าเพื่อนไป 1 ปี แทนที่เขาจะเป็นนักเรียนเตรียมทหารรุ่นที่ 9 กลับกลายเป็นรุ่นที่ 10 แทน การเรียนเตรียมทหาร เมื่อครบ 2 ปี นักเรียนทุกคนจะต้องเลือกเหล่าเพื่อแยกชั้นเรียนต่อไป ถึงเวลาที่ทักษิณต้องตัดสินใจ “เราจะไปทางไหนดี เป็นทหารหรือตำรวจ ผมเห็นว่านามสกุลชินวัตรเป็นทหารบกก็มีแล้ว ทหารอากาศก็มีแล้ว เป็นทหารเรือคงไม่ไหวเพราะผมมาจากเชียงใหม่ ว่ายน้ำไม่แข็ง ก็เลยเลือกมาเป็นตำรวจ”
ผลการตัดสินใจครั้งนั้นทำให้เขาได้มาเรียนที่โรงเรียนนายร้อยสามพราน รุ่นที่ 26 ทักษิณต้องเข้ารับการเรียนหลักสูตรนายร้อยตำรวจ 4 หลักสูตร ส่วนแรกคือวิชาเกี่ยวกับกฎหมาย ทั้งอาญา, แพ่ง, พ.ร.บ.ต่างๆ ส่วนที่สองคือวิชาพื้นฐานทั่วไปเหมือนหลักสูตรมหาวิทยาลัย เช่น จิตวิทยา สังคมวิทยา เศรษฐศาสตร์ รัฐศาสตร์ ฯลฯ ส่วนสามคือ วิชาด้านตำรวจโดยตรง เช่น การสืบสวนสอบสวน การป้องกันปราบปราม การพิสูจน์หลักฐานด้วยเครื่องมือวิทยาศาสตร์ ถ่ายรูป ล้างฟิล์ม อัดภาพ และส่วนที่สี่คือหลักสูตรภาคสนาม รวม 200 หน่วยกิต มากกว่าหลักสูตรปริญญาตรีกว่า 50 หน่วยกิต เพราะความถนัดของเขาคือวิชาคณิตศาสตร์ เก่งการคิดคำนวณมาตั้งแต่เด็ก เมื่อต้องมาเรียนในหลักสูตรที่เน้นการท่องจำ ทำให้เขาเบื่อ ท้อถอย ถอดใจ
“ผมกลายเป็นคนไม่ขยัน เพราะผมไม่ชอบการท่องจำ ชอบเรียนด้านความเข้าใจมากกว่า เคยคิดว่าจะลาออกเมื่อจบปีหนึ่ง อยากจะกลับไปเรียนด้านเอ็นจิเนียร์ แต่คุณพ่อบอกว่าไหนๆ มาถึงขนาดนี้แล้วให้เรียนให้จบ นั่นแหละผมถึงเรียนจบ”
เขาอดทนเรียนต่อทั้งที่ใจไม่ต้องการแบบนั้น จึงขอให้ทาง ก.พ.ติดต่อสถาบัน MIT เพื่อขอเปลี่ยนแนวไปเรียนวิศวะที่เคยอยากเรียนตั้งแต่เริ่มต้น แต่พ่อได้เตือนสติเขาให้เรียนต่ออีกครั้ง จนเขามีกำลังใจอดทนเรียนตำรวจจนจบการศึกษา แต่แม้ใจจะไม่ชอบวิชาท่องจำ แต่เขาจบการศึกษาออกมาติดยศร้อยตำรวจตรีในปี 2516 ด้วยคะแนนอันดับ 1 ของนายร้อยตำรวจสามพรานรุ่นที่ 26
“1.ไม่มีอะไรที่ทำไม่ได้
2.ตายเสียดีกว่าอยู่อย่างผู้แพ้
3.ตายเสียดีกว่าละทิ้งหน้าที่
แม้ผมจะพ้นรั้วโรงเรียนนายร้อยมากว่า 25 ปีแล้ว แต่ถ้อยความเหล่านี้ยังเป็นคติประจำใจเสมอ” โรงเรียนนายร้อยตำรวจนอกจากจะผลิตตำรวจชั้นดีหลายหมื่นนายให้กับประเทศไทยแล้ว หนึ่งในนายตำรวจที่จบการศึกษาและสร้างประโยชน์ให้กับประเทศ คงมีชื่อของ “ทักษิณ ชินวัตร” อยู่ในนั้นด้วย