ความอ่อนโยนจากร้านผ้าไหมของแม่ - Thaksin Official


ภาพถ่าย ดร. ทักษิณ ชินวัตร ช่วงเรียนจบนักเรียนนายร้อย ปี 2516

       ในบทบาทของอดีตผู้นำประเทศ นอกจากการเป็นนักบริหารที่ดี มีความเป็นผู้นำ ดร.ทักษิณ ยังมีมุมของความอ่อนโยนที่ติดตัวเขามาตั้งแต่เด็ก จากการปลูกฝังของพ่อและแม่โดยที่ไม่รู้ตัวมาก่อน  เพราะเกิดจากการทำให้ดู และเขาลงมือทำ  

ในอดีตธุรกิจที่สร้างชื่อให้กับครอบครัวชินวัตร คือธุรกิจผ้าไหม แรกเริ่มเป็นการนำเข้าผ้าไหมมาจากจีน เรื่อยมาจนสร้างอาชีพให้คนในท้องถิ่นด้วยการซื้อผ้าไหมของชุมชนมาจำหน่าย  ธุรกิจนี้เป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้ ดร.ทักษิณ ได้มีหัวคิดของความเป็นผู้ประกอบการ ขณะเดียวกันร้านผ้าไหมแห่งนี้ยังช่วยปลูกฝังความอ่อนโยนให้เขาแบบไม่รู้ตัว 

ชีวิตของ ดร.ทักษิณในวัยหนุ่มมีสองด้าน ด้านแรกคือความเข้มแข็งและมีหัวคิดค้าขาย ด้านนี้ผู้เป็นพ่อจะคอยสอนให้เขาได้เรียนรู้งานของผู้ชายเป็นส่วนใหญ่ งานขายของ งานเครื่องกลอิเล็กทรอนิกส์ และอีกด้านคือด้านของความเป็นสุภาพบุรุษและนุ่มนวล แม่จะคอยสอนให้เขาดูแลให้เกียรติผู้หญิงผ่านการทำงานที่ร้านผ้าไหม เพราะร้านผ้าไหมธุรกิจของครอบครัวนั้น นอกจากจะจำหน่ายผ้าไหมหลากหลายแบบแล้ว ยังเคยเป็นร้านที่ได้สนับสนุนการประกวดนางงานอีกด้วย  

เมื่อมีผู้สมัครนางงามมาดูผ้า  เลือกลองชุดผ้าไหม เขามีหน้าที่ดูแลสาวงามเหล่านั้นด้วยความสุภาพและเข้าใจ  เขาจะแนะนำชุดให้เข้ากับผู้หญิงแต่ละคน สี รูปแบบ รูปทรงของชุดต้องเหมาะกับผู้หญิงคนนั้น  เหล่าสาวงามเมื่อได้ลองชุดตามคำแนะนำของเขาก็ชื่นชอบเพราะเมื่อใส่ชุดแล้วดูดีเหมือนที่เขาให้คำแนะนำไป  ส่วนชุดผ้าไหมที่ร้านก็สวยงามเหมาะกับการใช้เป็นชุดประกวดนางงาม จนในบางครั้งร้านของเขาเองยังเคยส่งนางงามเข้าประกวดจนได้ตำแหน่งมาแล้วหลายคน 

ดร.ทักษิณในวัยหนุ่มยังเคยมีหน้าที่ติดตามพี่เลี้ยงนางงามไปคอยดูแลนางงามบ่อยๆ จึงทำให้ได้เรียนรู้เรื่องการแต่งตัวของผู้หญิงไปโดยปริยาย สิ่งนี้เองทำให้เขาเลือกของให้ผู้หญิงได้อย่างมืออาชีพ ไม่ว่าจะเป็นเสื้อผ้า เครื่องประดับ หรือแม้กระทั่งการแต่งหน้า ดร.ทักษิณก็ยังให้คำแนะนำได้เช่นกัน 

“ผมเข้าใจความรู้สึกของผู้หญิง  รู้ใจว่าผู้หญิงต้องการอะไร ผมชอบเลือกเสื้อผ้า กระเป๋า รองเท้า ให้กับลูกสาวและลูกชายมาก  ลูกๆเขาก็ชอบด้วย”

ในบทบาทของผู้นำประเทศ นักบริหาร และนักธุรกิจ ที่ต้องตัดสินใจเรื่องสำคัญในการแก้ปัญหาอย่างเข้มแข็งเด็ดเดี่ยว ภาพของ ดร.ทักษิณ ดูแข็งแกร่งจริงจังเป็นที่พึ่งได้  แต่อีกด้านหนึ่งที่เราเห็นควบคู่ไปด้วยก็คือความเป็น Family man รักครอบครัว มีความอบอุ่นอ่อนโยน เห็นอกเห็นใจผู้อื่น สามารถพูดคุยกับผู้คนทุกอาชีพ ทุกชนชั้นได้อย่างเป็นกันเอง 

อีกอย่างที่เขาชื่นชอบคือเขาชอบเข้าครัวทำอาหาร แม้ในวัยเด็ก ดร.ทักษิณ จะได้ชื่อว่าเป็นลูกที่เป็นเงาติดตามตัวพ่อไปทุกหนทุกแห่ง เรียนรู้ชีวิตและทุกสิ่งทุกอย่างจากพ่อมาอย่างครบถ้วน แต่เวลาที่นอกเหนือจากนั้น  เขาได้ช่วยงานแม่อย่างเต็มกำลังเช่นกัน หน้าที่ในวัยเด็กคือช่วยเฝ้าร้านขายผ้าให้แม่ในตลาด ติดตามแม่ ไปไร่ส้ม ช่วยตัดส้มแพ็คลงเข่ง เด็กชายทักษิณยังต้องตื่นแต่เช้าตรู่ตามแม่ไปสวนกล้วยไม้ เพื่อรอแม่ตัดดอกไม้ปักในก้านกล้วย และเขาก็ถือตะกร้าดอกไม้ไปขายด้วยตัวเอง  มีหน้าที่ช่วยแม่จ่ายตลาด เลือกซื้อของสดต่างๆ เพื่อนำมาทำกับข้าว ทั้งหมดนี้เป็นการฝึกฝนให้เขาเรียนรู้การทำงานหลากหลายอย่างที่ละเอียดอ่อนโยนในแบบผู้หญิงโดยไม่รู้ตัว 

“ผมต้องช่วยงานพ่อแม่ตั้งแต่จำความได้ สมัยอยู่ร้านกาแฟ เช้าเป็นลูกจ้างเฉพาะกิจที่แม่จ้างมาลากรถบรรทุกผ้าซึ่งทำจากไม้ทั้งคันแบบเกวียนจะอุ้มผมที่อาบน้ำแต่งตัวเสร็จเรียบร้อยไปวางจุ้มปุ๊กอยู่บนคานด้านหน้า เข็นทั้งผมทั้งรถไปตลาด ไปถึงเขาจะช่วยจัดผ้าต่างๆ ให้เรียบร้อย ผมจะมีหน้าที่เฝ้าแผง ขายผ้าให้แม่ไปพลางๆ รอจนกว่าแม่ช่วยพ่อติดเตาเปิดร้านเสร็จแล้วมาขายผ้า”

การได้อยู่ใกล้ชิดกับแม่ทั้งคอยอบรมเลี้ยงดูเขาให้เติบโตเป็นคนดี และสอนให้ช่วยงานร้านผ้าของแม่ ซึ่งลูกค้าส่วนใหญ่ก็คือผู้หญิง ทำให้เขาเรียนรู้การเข้าใจผู้หญิงมาตั้งแต่เด็ก ทั้งหมดคือความอ่อนโยนที่ได้จากร้านขายผ้าไหมของแม่ อีกมุมอ่อนโยนของเขาที่หลายคนคาดไม่ถึง คือเวลาที่ได้ใช้ไปด้วยกันกับลูกสาวสองคน เอม-พินทองทา และ อิ๊งค์ – แพทองธาร “บรรยากาศที่อยู่ด้วยกันกับพ่อคือกุ๊กกิ๊กกันตลอด สำหรับเราพ่อเราน่ารักกุ๊กกิ๊ก พ่อชอบเครื่องเสียง เครื่องครัว เครื่องเขียน หนังสือเรียน ปากกา สมุด ช่วงที่เอมจัดการบ้านที่อังกฤษเสร็จใหม่ๆ พ่อมีความสุขที่ได้ไปเดินเลือกซื้อพวกเครื่องครัว จาน ชาม อะไรอย่างนี้” 

ทั้งหมดนี้คือบุคลิกด้านอ่อนโยนของ ดร.ทักษิณ ที่ทำให้อดีตผู้นำประเทศคนนี้ยังคงเป็นที่รักของประชาชนอยู่เสมอ