มุมมองการเมืองผ่านความจริงจากชีวิตพ่อ
“บทบาทหน้าที่ผู้แทนของพ่อที่ผมคุ้นชินจะเป็นการ”รับใช้”ชาวบ้านสารพัดมากกว่า ตั้งแต่งานบุญจนถึงงานบ้าน งานราษฎร์ยันงานหลวง ใครเดือดร้อนหรือมีเหตุในชุมชน….ก็ต้องมาร้องทุกข์ขอความช่วยเหลือต่างๆ จากพ่อเสมอ คงเพราะความที่ชาวบ้านไม่รู้จะพึ่งใครนั่นเอง พอมีผู้แทนฯ จึงรู้สึกว่าน่าจะช่วยตนได้ สมัยก่อนเลยไม่มีเรื่องซื้อเสียง เนื่องจากเป็นผู้แทนฯไม่ค่อยมีผลประโยชน์ มีแต่ต้องทำตัวให้เป็นประโยชน์”
“ผู้นำ” ในนิยามของ ดร.ทักษิณ
ในการดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีคนที่ 23 และ 24 ของประเทศไทย ดร.ทักษิณ ทำงานเชิงรุกตั้งแต่วันแรกที่รับตำแหน่งสำคัญนี้
ทุกครั้งที่เขาได้หารือข้อราชการกับทีมงาน ซึ่งประกอบไปด้วยคณะรัฐมนตรี ข้าราชการการเมือง ข้าราชการทั่วประเทศ ดร.ทักษิณ มักจะขอให้ทุกคนที่ทำงานร่วมกัน “คิดนอกกรอบ” และควรเปิดมุมมองการทำงานของทุกคนให้กว้างขึ้น หลายมิติมากขึ้น ทุกคนสามารถแสดงความคิดเห็นได้ ไม่มีเรื่องใดที่ผิดหรือถูก ตราบใดที่ข้อคิดเห็นนั้นมีประโยชน์
บัญญัติ 4 ประการ นำพาธุรกิจทักษิณเติบโต
ช่วงที่ ดร.ทักษิณ ยังดำรงสถานะเป็นนายตำรวจหนุ่ม พร้อมด้วยกิจการร้านผ้าไหมที่ไว้ใช้เลี้ยงครอบครัวและสืบทอดเจตนารมย์ของบ้านเกิด ในนาม “ท.ชินวัตรไหมไทย” แต่เปิดกิจการได้เพียงเดือนเดียวก็ต้องปิดตัวลง เพราะรายได้ไม่เพียงพอกับรายจ่าย ในขณะที่ลูกๆ ของเขาเติบโตขึ้นทุกวัน
ถ้าอยากได้ใจ ต้องให้ใจ
นโยบายที่เป็นที่นิยมของประชาชนนับตั้งแต่พรรคไทยรักไทย สู่พรรคเพื่อไทย ภายใต้สโลแกนทักษิณคิด เพื่อไทยทำ จนนำมาสู่ชัยชนะของรัฐบาลนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร น้องสาวคนสุดท้องในตระกูลชินวัตร มาจากการให้คำปรึกษาจากแนวคิดที่ ดร.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เคยทำแล้วสำเร็จมาก่อน และเขาได้เปิดใจสัมภาษณ์พิเศษในรายการ Intelligence ทางสถานีโทรทัศน์ วอยซ์ ทีวี เมื่อปี 2554 บันทึกเทปที่ประเทศญี่ปุ่นในช่วงที่เขาไปเยือนตามคำเชิญ ก่อนที่พรรคเพื่อไทยจะชนะเลือกตั้ง
ความรู้คือพลังสำหรับโลกใหม่
คนไทยรู้จักเขาในนามของนักธุรกิจ-นักบริหารด้านการสื่อสารที่ประสบความสำเร็จ เป็น 1 ใน 12 นักธุรกิจผู้นำของเอเชีย จนได้รับยกย่องจากหนังสือพิมพ์ Singapore Business Times และยังได้รับการยกย่องเป็น Asian CEO of the Year จาก นิตยสาร Financial World ความโดดเด่นในด้านการบริหารของเขา ทำให้ได้รับการขนานนามจากนักเขียนรุ่นใหม่ว่าเป็นนักธุรกิจในคลื่นลูกที่ 3